อีกส่วนสำคัญ ที่ผมอยากจะได้มีโอกาสเข้าไปชม ก็คือ โซนเก็บไม้ ของโรงงานกีต้าร์ Martin
อยากรู้ว่า ไม้เขามีเหลือเยอะไหม มีไม้อะไรบ้าง วิธีการเก็บเป็นอย่างไร ฯลฯ

และแล้ว โอกาสดีของผมก็มาถึง เมื่อทางโรงงาน Martin ได้กรุณายอมเปิดโซนพิเศษนี้ ให้ทางเราได้ชม กันแบบเต็มๆ



ไม้ทั้งหมด จะมีการอบความร้อน เพื่อไล่ความชื้น ให้ได้ตามาตรฐานของโรงงาน Martin





การคัดเลือกไม้ เป็นสิ่งที่เข้มงวด หากไม้ไม่สวย หรือมีตำหนิเกินไป จะคัดออก (ไม่รับซื้อ)





เมื่อรับซื้อไม้(จากผู้ค้าไม้ ที่นำไม้มาให้เลือกถึงหน้าโรงงาน)เรียบร้อย
ไม้ทุกๆส่วน ทุกๆพันธ์ ทุกๆประเภท จะถูกเก็บไว้ในโซนที่รักษาไม้
โดยหลังจากตัดแต่งเรียบร้อย จะดูแลความชื้น รักษาความซื้น 43%





ไม้ทุกๆส่วน ก่อนนำไปผลิต หรือทำกีต้าร์ จะต้องผ่านการเก็บรักษา อย่างดี



ตรวจสอบตำหนิ หากมีตำหนิ ทิ้งทันที



รักษาความชื้น ให้พอสมกับไม้




เดินไปเดินมา เจอะไม้อายุหลายร้อยปี สภาพไม่สวยงาม แต่เป็นไม้เกรดแพง หายาก
และที่สำคัญ เลือกมาทำกีต้าร์ระดับ High End หรือ Custom Shop เท่านั้น
เรื่องราคา ก็ต้องสูงกว่ารุ่นธรรมดา แน่นอน ไม้หายาก ราคาก็สูง เป็นเรื่องปกติครับ



ไม้ที่ผู้ขาย นำมาขายให้กับมาติน โดย...จะมีเจ้าหน้าผู้ชำนาญเรื่องไม้ กำลังคัดเลือกไม้ที่สวยๆ
และคุณภาพดีๆ ก่อนที่จะนำเข้าเก็บใน Stock ที่เก็บไม้ เพื่อดูแลรักษา ก่อนนำไปผลิตเป็นส่วนต่างๆ ของกีต้าร์ Martin







ภาพข้างบนนี้ แสดงให้เห็นว่า เค้าจะพยายามหลบตาไม้
ชิ้นส่วนนี้คือ คอกีต้าร์ (Neck) ตรงจุดไหนมีตาไม้ จะไม่เอา เพราะไม้จะไม้แข็งแรงมากพอ
หากใช้ไปนานๆ คอกีต้าร์อาจจะมีปัญหา ได้



กระบวนการตัดแต่ง







เครื่องจักร ทำการตัดไม้ ให้ได้ความบาง หรือรูปทรง ที่ต้องการ









stock ไม้ บางส่วน, จะเห็นว่า มี Adirondack Red อยู่ด้วย
Adirondack Red จะใช้ทำเฉพาะ Martin รุ่นสูงๆ เท่านั้น นะครับ





ไม้สำหรับทำ Back & Side Guitar



ไม้ Brazilian Rosewood หายาก และแพงมาก
ซึ่งปัจจุบันเป็นไม้สงวน ห้ามตัดเด็ดขาด ดังนั้น stock ที่เห็น จะเป็นไม้ที่มีมาก่อนกฎหมายออก
จึงเป็น stock สุดท้าย หมดแล้ว หมดเลย ไม่มีอีก

ทาง Martin จะนำ Brazilian Rosewood มาใช้กับ Martin รุ่น Custom Shop เท่านั้น (พิเศษๆ เท่านั้น)
ดังนั้น หากท่านใดมีเงิน มีงบ ไม่เดือดร้อน ผมแนะนำว่า ให้ซื้อ หรือ order ไปเลยครับ
เพราะนอกจากจะได้เก็บกีต้าร์ ยังจะได้เก็บไม้หายาก ไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย



หันมาเจอะ ไม้ KOA ต้องบอกว่า ทาง Martin คัดเฉพาะลายไม้สวยๆ




ตอนยังไม่ถูกน้ำ ยังไม่เห็นความสวยงามเท่าไร...........



พอถูกน้ำแล้ว งามจริงๆ

ทำไม ผมมายืน act ท่า อยู่ตรงนี้.?



มีคนเคยถาม(และผมเองก็อยากรู้) ว่า...
Mr. Chris Martin (IV) หรือเจ้าของบริษัท Martin Guitars เป็นคนสะสมกีต้าร์ไหม
แล้วสะสมเยอะไหม จะมีสักกีต้าร์ตัว?

อืมมม ว่าแล้วในโอกาสที่ผมไปถึงชั้นในสุดของบริษัท Martin ผมเลยถามคำถามนี้... คำตอบที่ได้คือ...



แน่นอนครับ Chris Martin เป็นนักสะสมกีต้าร์
เขาชอบสะสมกีต้าร์ เก็บทั้งกีต้าร์มาติน และกีต้าร์ที่น่าสนใจทั่วโลก
(แม้ยี่ห้อที่เป็นคู่แข่ง ก็ซื้อมาสะสม) ส่วนจำนวนนั้น ผมรบกวนทุกๆท่านดูเอาเอง....



ก็คือเจ้าแผงกีต้าร์ที่ผมถ่ายรูปคู่ด้วยนี้ล่ะครับ ....ปกติจะไม่ให้ใครเข้าในห้องนี้ แม้แต่พนักงานก็ไม่มีกุญแจ
เวลาจะเอากีต้าร์ไปเก็บ ต้องไปขอกุญแจจาก Chris Martin






แต่ในโอกาสที่ Music Collection (ตัวแทนจำหน่ายจากประเทศไทย) และ AcousticThai.Net มาไกลจากเมืองไทยทั้งที
เลยเปิดให้ดูเลย เขาบอกว่า วันหนึ่ง...ตั้งใจว่าจะเอากีต้าร์พวกนี้ จัดเป็น Museum หรือพิพิธภัณฑ์กีต้าร์โปร่ง !
ทั้งหมดไม่ได้พูดโอเวอร์นะ มันเป็นเรื่องจริง ที่ผมเองก็ตกใจ! และคาดไม่ถึงเช่นกัน ว่าจะสะสมขนาดนี้!

ขอบคุณมากครับ น้าweb สำหรับความรู้ ที่อลังการณ์ งานสร้างอย่างนี้ แต่ละภาพไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเหมือนกันครับ

เห็นแบบนี้แล้วมั่นใจกับมาตรฐานการคัดเลือก และการดูแลไม้ของมาตินมากๆครับ
ผมเองมี made in Mexico อยู่หนึ่งตัว แต่ก็ประทับใจ ยิ่งรู้ว่าทางโรงงาน USA คุมดูแลเรื่องไม้ ยิ่งรู้สึกดีมากๆครับ

 ซื้อมาถ้าไม่ได้เล่นมันบ้าง ซักปีละชั่วโมงก็ยังดี ท่าทางคุณคริสจะลองแค่ตอนซื้อเผลอๆใช้วิธีโทรสั่งแล้วให้คนเอามาส่งด้วยซ้ำ จะเก็บอย่างเดียว น่าเสียดายคุณค่าและความพยายามของช่างที่ทำมันขึ้นมาเพื่อรังสรรค์เสียงอคูสติกกีต้าร์ที่ไพเราะให้ได้มากที่สุด แต่นานาจิตตังครับเงินใครเงินมัน บางคนเอามาดูมาดมก็ชื่นใจสบายใจแล้ว อิอิ ฝากพี่จิมหยิบมาฝากซักตัวนะครับ

ขอบคุณมากครับ ที่นำมาให้รับชม

 

เห็นแล้วขนลุก เยอะจริงๆ

สุดยอด

อยากไปบ้างจังเลย

สุดๆๆ